[x] ปิดหน้าต่างนี้
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป   
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 11 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
ค้นหาจาก google

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
“ข่าว”หนูตกถังข้าวสาร !! กับสโมรสรที่โดนมหาเศรษฐีเทคโอเวอร์จนกลายเป็นมหาอำนาจลูกหนัง  VIEW : 249    
โดย sbobetsub

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 5
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 1
Exp : 100%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 171.96.218.xxx

 
เมื่อ : จันทร์ ที่ 18 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2564 เวลา 16:49:09   

หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ช็อควงการลูกหนังเกิดขึ้นหลังจากที่นิวคาสเซิล ถูกเทคโอเวอร์ด้วยกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือว่าในปัจจุบัน เป็นทีมที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งการเข้ามาของเจ้าชาย บิน ซัลมาน ทำให้ “เดอะ แม็กพาย” กลายเป็นทีมที่รวยที่สุดของโลกทันที คาดการณ์ว่ามกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 320,000 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่า ชีกห์ มานซูร์ ประธานสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทรัพย์สินประมาณ 23,200 ล้านปอนด์ ชนิดทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น
แน่นอนว่าหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แน่นอน และด้วยอำนาจของเงินมันอาจทำให้พวกเขาก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รวมถึงอีกหลายทีม  วันนี้เราจะพาไปดูกันว่ามีทีมใดบ้างที่ถูกเทคโอเวอร์จากมหาเศรษฐีทั่วโลก ทางเข้าแทงบอลออนไลน์
เชลซี (โรมัน อับราโมวิช)
ซึ่งถือว่าเขาคนนี้เป็นคนพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร เชลซีอย่างมาก เนื่องจากมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่ตัดสินใจควักกระเป๋าเข้ามาเทคโอเวอร์ยอดทีมแห่งกรุงลอนดอน ด้วยเงิน 140 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2003 ก่อนพัฒนาและยกระดับทีมให้กลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกจนถึงทุกวันนี้ โดยหลังจาก อับราโมวิช เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร ก็ได้สร้างเชลซีในรูปแบบใหม่ที่แข็งแกร่งมาก และก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษและระดับโลกได้จนมาถึงทุกวันนี้  ส่วนเรื่องการเสริมทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ถือเป็นทีมที่ลงทุนซื้อนักเตะด้วยเงินมหาศาลมาตลอด และทำลายสถิติค่าตัวบนเกาะอังกฤษ อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการดึง อังเดร เชฟเชนโก้ มาจาก เอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2006, เฟร์นานโด ตอร์เรส จาก ลิเวอร์พูล ค่าตัว 50 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2011, เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูค่าตัวสถิติโลก 71.6 ล้านปอนด์ รวมถึงเจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรคนล่าสุด 97.5 ล้านปอนด์ อย่าง โรเมลู ลูกากู นอกจากนั้นยังมีตัวเลขเปิดเผยว่า จนถึงปี 2020 เชลซี ยุค “เสี่ยหมี” ใช้เงินซื้อนักเตะไปแล้วกว่า 1,585 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ก็คุ้มค่ากับความสำเร็จของพวกเขาตลอดเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่)
ยอดทีมจากเมืองน้ำหอม กลายเป็นที่สนใจเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่กลุ่มทุนจากกาตาร์ อย่าง กาตาร์ สปอร์ตส์ อินเวสเมนท์ ที่มี นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ เป็นประธาน เข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อปี 2011 ซึ่งนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดของโลก นับตั้งแต่เข้ามาบริหารทีม นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ลงทุนเงินจำนวนมากไปกับการสร้างทีมให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกปี ด้วยการดึงนักเตะระดับโลกเข้ามาค้ายังลีกเมืองน้ำหอมแบบไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, จานลุยจิ บุฟฟ่อน, เอดิสัน คาวานี่, คีเลียน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เพิ่งย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า แบบไม่มีค่าตัวช่วงซัมเมอร์ พร้อมฟันค่าเหนื่อยมากสุดในโลก 650,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชีค มานซูร์)
ถ้าเปรียบปัจจุบันนิวคาสเซิล คือ อันดับหนึ่งในเรื่องการเงินแล้ว แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายปีที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ครองตำแหน่งทางการเงินมาเป็นเวลานาน นับตั่งแต่ที่ถูกกลุ่มทุนจากกาตาร์ อย่าง อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ซึ่งนำโดย ชีค มานซูร์ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรต่อจาก ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2008 และนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นทีมฟุตบอลที่รวยที่สุดของโลก ก่อนโดน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แซงหน้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเข้ามาของ ชีค มานซูร์ เป้าหมายหลักของเขาคือการพาทีมประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยการทุ่มเงินลงทุนสร้างทีมจำนวนมหาศาล โดยดีลแรกของ “เรือใบสีฟ้า” ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มทุนกาตาร์ ที่เรียกเสียงฮือฮาคือการคว้า โรบินโญ่ มาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2008 หลังจากนั้นยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ เดินหน้าเสริมทัพด้วยการคว้าเหล่าซุปเปอร์สตาร์แห่งยุคเข้ามาร่วมทีมต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โคโล่ ตูเร่, ดาบิด ซิลบา, แวงซองต์ กอมปานี, ยาย่า ตูเร่, ซาเมียร์ นาสรี่, มาริโอ บาโลเตลลี่ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ กระทั่งซีซั่น 2010/2011 ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกได้สำเร็จ และคว้าเพิ่มอีก 4 สมัย ตามมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึง เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ลีก คัพ 6 สมัย อย่างไรก็ตามสำหรับแชมป์ฟุตบอลยุโรป มันยังคงเป็นเพียงแค่ความฝันของพวกเขาต่อไป หลังทำได้ดีที่สุดคือการแพ้ เชลซี ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นที่แล้ว ซึ่งทำให้ปัจจุบัน แมนซิตี้ ได้กลายมาเป็นมหาอำนาจทางลูกหนังของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของทีมมหาอำนาจของโลกที่เกิดขึ้นเท่านั้น แน่นอนยังมีอีกหลายที่ที่มีอำนาจเงินในการซื้อนักเตะเข้ามาและสร้างความสำเร็จให้กับสโมสรเป็นจำนวนมาก
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ข่าวกีฬา https://www.sbobet24hr.club